เทคโนโลยีในอนาคต
วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556
หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ตัวจิ๋ว
หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ตัวจิ๋ว “มูราตะไซซากุ-กัน” (Murata seisaku-kun) กำลังปั่นจักรยานโชว์ความสามารถที่งานนิทรรศการรวมความก้าว หน้าของเทคโนโลยี (CEATEC Japan 2006) ซึ่งมีผู้ร่วมจัดแสดงนิทรรศ การเกือบ 800 ราย ที่ มากุฮาริ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียว โดยหุ่นยนต์ดังกล่าวเป็นผลงานการพัฒนาของบริษัท มูราตะ แมนูแฟคเจอริ่ง มีความสามารถในการปั่นจักรยานขึ้น-ลงที่ลาดชัน และทรงตัวได้ดีในที่ลาด แบตเตอรี่เป็นแบบอนุรักษ์พลังงานสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้.
เคลฟเวอร์’ ยานยนต์จิ๋วแห่งอนาคต ประหยัดทั้งพลังงานและพื้นที่
"เคลฟเวอร์" (Clever : Compact Low Emission Vehicle for Urban Transport) รถ 3 ล้อ 2 ที่นั่ง มีความกว้างเพียง 1 เมตร ปล่อยไอเสียน้อยกว่ายานยนต์ปกติ ความเร็วสูงสุดในการขับขี่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เชื้อเพลิง 2.5 ลิตรต่อระยะทางขับขี่ 100 กิโลเมตร เป็นรถต้นแบบจากโครงการวิจัยที่ใช้เวลา 40 เดือนของนักวิจัยจาก 9 ประเทศในยุโรป ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุน 1.5 ล้านปอนด์จากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อผลิตยานยนต์รุ่นใหม่ที่ไม่เหมือนใครและออกแบบมาสำหรับการขับขี่ในเมืองโดยเฉพาะ “ทางออกทางเดียวในขณะนี้คือ รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ไอเดียก็คือ พยายามผสานขนาดเล็กกะทัดรัดและประสิทธิภาพของจักรยานยนต์ เข้ากับความสะดวกสบายและความปลอดภัยของรถยนต์” เบน ดริว (Ben Drew) เจ้าหน้าที่วิจัยของมหาวิทยาลัยบาท (University of Bath) ทางตะวันตกของอังกฤษ หนึ่งในสถาบันที่เข้าร่วมโครงการนี้ กล่าว ด้วยความกว้างเพียง 1 เมตร เคลฟเวอร์จึงมีขนาดเล็กกว่าสมาร์ทคาร์ต้นแบบของเดมเลอร์เบนซ์ ทำให้หาที่จอดง่าย พร้อมกันนี้ยังเปิดกว้างในความเป็นไปได้ของการเพิ่มพื้นที่สัญจรไปมาบนท้องถนนอันแออัด ขณะเดียวกัน การมีรถมากขึ้นบนถนนไม่ได้หมายถึงการเพิ่มควันพิษเสมอไป เพราะเคลฟเวอร์ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) “เคลฟเวอร์ใช้ต้นทุนน้อยกว่าในการขับขี่ เงียบกว่า และสร้างมลพิษน้อยกว่ารถปกติ” ดร. จอส ดาร์ลิง อาจารย์อาวุโสที่ดูแลโครงการเคลฟเวอร์ของมหาวิทยาลัยบาท บรรยายสรรพคุณ อีกทั้งมีการคาดว่าต้นทุนการผลิตเคลฟเวอร์น่าจะอยู่ระหว่าง 5,000-10,000 ปอนด์ หากผลิตออกมาล็อตใหญ่ ดร. เกอเรนต์ โอเวน อาจารย์อาวุโสสำทับว่า เคลฟเวอร์นับเป็นยานยนต์รุ่นแรกที่ใช้ระบบไฮดรอลิกเพื่อให้เคลื่อนที่เหมือนมอเตอร์ไซค์ แต่ให้ความรู้สึกในการขับขี่เหมือนรถยนต์ |
โมเดลของ "เคลฟเวอร์" เมื่อพัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์ จะกลายเป็นรถสามล้อที่ปลอดภัยกว่ามอเตอร์ไซค์ และไม่ใหญ่เท่ารถยนต์ ไม่กินพื้นที่ตามท้องถนนและที่จอด อีกทั้งยังใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก
สิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีของโลกแห่งความจริง ที่ใกล้เคียงกับ ของวิเศษของโดราเอม่อน
หลายท่านที่ตามอ่านโดราเอม่อนมานาน คงจะตื่นตาตื่นใจ และสนุกไปกับของวิเศษอันหรรษาของโดราเอม่อนกัน ซึ่งเห็นแล้วก็อยากจะได้เอามาใช้ ส่วนหนึ่งเราก็ต้องยกความดีความชอบให้กับจินตนาการอันบรรเจิดของ อ.ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ ผู้แต่งที่ได้รังสรรค์สิ่งของวิเศษจากโลกอนาคตต่างๆได้อย่างหลากหลาย และสำหรับของวิเศษส่วนใหญ่นั้นก็ได้อิงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ด้วยเหมือนกัน
ด้วยจินตนาการอันกว้างไกลในของวิเศษแต่ละชิ้น ทำให้ผู้อ่านหลายคนเชื่อว่า มันคงไม่มีของแบบนี้จริงๆแน่ในโลกแห่งความจริง แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์นั้น ก็ย่อมมีพัฒนาการในการที่จะค้นคว้า ทดลอง และพัฒนาสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ให้ซับซ้อน มีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิม จนในที่สุด เราก็ได้สิ่งประดิษฐ์ที่ได้จากการคิดค้นของมนุษย์มากขึ้น โดยที่มีความทันสมัยมากขึ้น และแน่นอนว่า เราก็ดำรงชีวิตร่วมกับสิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่ในชีวิตประจำวันของเราด้วย ด้วยการพัฒนาที่ต่อเนื่อง ก็ทำให้เรามีสิทธิ์ได้ใช้สิ่งประดิษฐ์ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับของวิเศษของโดราเอม่อนมากขึ้นอีกเช่นกัน
-ใครที่เคยติดตามโดราเอม่อนมานานนั้น จะสังเกตได้เลยว่า ในบางตอนนั้น โดราเอม่อนจะใช้ของวิเศษที่จะมีจอโทรทัศน์จอแบนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งในปัจจุบันนั้น จอ LCD หรือ มอนิเตอร์จอแบน เราสามารถพบเห็นกันได้ทั่วไป ทั้ง โทรทัศน์ และ คอมพิวเตอร์
-มีตอนหนึ่งที่โดราเอม่อนใช้ของวิเศษที่ประกอบไปด้วยแผนที่โลก และกล้องที่มีลักษณะเป็นเข็มให้ชี้ลงบนแผนที่แล้วจะโชว์ภาพทิวทัศน์ตามตำแหน่งนั้นๆ เพื่อดูความเป็นไปของบอลลูนที่เดินทางรอบโลก โดยในปัจจุบันนั้น มีสิ่งของซึ่งมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับของวิเศษชิ้นนี้ นั่นก็คือ Google Earth ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถดูภูมิประเทศ และ ภาพทิวทัศน์ของตัวเมือง ตึกรามบ้านช่อง ในมุมมองของดาวเทียมนอกโลกเท่านั้น
-ของวิเศษของโดราเอม่อนที่เกี่ยวข้องกับแผนที่นั้น ที่สามารถ แสดงตำแหน่งที่อยู่ ที่แน่นอนว่าอยู่ ณ. ตำแหน่งใด บนพื้นโลกได้ทุกเวลา ทุกสภาพอากาศ ปัจจุบันก็มีการพัฒนาคิดค้น จนกลายเป็น GPS (Global Positioning System) ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถบอกเราได้ว่า เราอยู่ที่ไหน
- ตอนที่โดราเอม่อน นำของวิเศษ ซึ่งเป็นของเล่นที่ทำให้เราไปบังคับยานอวกาศโดยเปรียบเสมือนว่าเรานั้นได้บังคับยานนี้จริงๆ โดยปัจจุบันนี้ของวิเศษชิ้นนี้ก็คือ โปรแกรมซิมูเลเตอร์(Simulator) และ ระบบความจริงเสมือน(Virtual Reality) ซึ่งเป็นระบบที่สร้างความเสมือนจริงให้กับผู้ใช้ให้ได้รู้สึกเสมือนว่าเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง

-มีอยู่ตอนหนึ่งที่โนบิตะนั้น ใช้กล้องวิเศษ ที่พอถ่ายรูปแล้ว ภาพที่ออกมานั้นจะเป็นภาพที่เรายืนอยู่บนฉากหลังซึ่งเป็นสถานที่ต่างๆในโลก ทั้งๆที่ไม่เคยไปที่แห่งนั้นเลย ในปัจจุบันนี้ เราสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยการใช้โปรแกรม Photoshop มาตัดต่อรูปภาพสถานที่กับรูปภาพถ่ายของเราที่สแกนลงบนเครื่อง หรือจะถ่ายรูปโดยให้เรานั้นทำกิริยาท่าทางต่างๆโดยมีบลูสกรีนเป็นฉากหลัง ซึ่งตรงบลูสกรีนนั้น ก็จะเป็นการนำ Computer Graphic มาช่วยในการสร้างฉากหลัง จนได้ภาพตามที่ต้องการ
-โนบิตะก็เคยใช้กล้องวิเศษที่พอถ่ายภาพออกมาแล้ว ภาพก็จะโชว์สิ่งของที่อยู่ข้างใน ซึ่งของสิ่งนี้หลักการทำงานนั้นก็เหมือนกับ การอุลตร้าซาวด์ด้วยกล้องเอ็กซ์เรย์ ที่ใช้ตามโรงพยาบาล
-คุณพ่อของโนบิตะ ก็เคยใช้ นกช่วยเตือน เพื่อเตือนความจำในสิ่งที่ตนจะต้องทำในเรื่องต่างๆ ในแง่ฟังก์ชั่นการทำงานนั้น ก็ใกล้เคียงกับ เพจเจอร์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นของตกยุคไปแล้ว รวมถึง โทรศัพท์มือถือ ปาล์ม ที่เราพบเห็นกันทั่วไป ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสอง ก็มีฟังก์ชั่นสำหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่เราจะต้องกระทำ และคอยเตือนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำสิ่งนั้นด้วย
-ไมค์จิ๋วบันทึกเสียง,ภูเขาเสียงสะท้อน,กาน้ำบันทึกเสียง ซึ่งมีคุณสมบัติในการบันทึกเสียง และ สามารถกำหนดระยะเวลาในการเล่นเสียงตามที่ต้องการได้ สิ่งประดิษฐ์ในปัจจุบันที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ เครื่องบันทึกเสียงนั่นเอง
-ของวิเศษของโดราเอม่อนชิ้นหนึ่งที่อยากจะพูดถึงซักนิด ซึ่งจัดได้ว่า เป็นของวิเศษที่สำคัญมากของโดราเอม่อน เพราะหากโดราเอม่อนไม่มีของวิเศษชิ้นนี้นั้น เขาจะไม่สามารถเดินทางไปหาโนบิตะได้เลย รวมไปถึงเนื้อเรื่องการผจญภัยยังดินแดนต่างๆ ตามยุคสมัย ก็คงจะเดาๆออกกันนะครับ ว่าของสิ่งนั้น ก็คือ ไทม์แมกชีน นั่นเองถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครสามารถสร้างเครื่องไทม์แม็กชีนขึ้นมาได้เลย แต่ก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์ที่ยังคงมานั่งถกเถียงกันอยู่ และก็มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้อ้างว่า การท่องเวลานั้น มีความเป็นไปได้อยู่มากเลยทีเดียว
-และในปัจจุบัน ที่ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศอื่นๆ ก็ได้มีการทดลองสร้างหุ่นยนต์ให้ทำงานในรูปแบบต่างๆ เช่น เตะบอล,ขนย้ายสิ่งของ และก็ได้มีการพัฒนาหุ่นยนต์ให้ซับซ้อนมากขึ้น โดยให้ตัวหุ่นนั้นสามารถคิดเองได้ พูดได้ หรือจะเคลื่อนไหวได้เอง เช่น Aibo,Asimo และล่าสุดนั้น ที่ญี่ปุ่นก็ได้มีการสร้างหุ่นยนต์กันดั้มขนาดใกล้เคียงมนุษย์ ให้เราใช้รีโมตบังคับเองได้ แต่ก่อนหน้านั้น เชื่อหรือไม่ว่า ที่ญี่ปุ่นกำลังจะคิดค้นให้มี "โดราเอม่อน"จริงๆ!!!!!! แต่ว่า โดราเอม่อนที่เขาจะสร้างนั้น ทำได้แค่พูดสื่อสารโต้ตอบกับมนุษย์ได้เท่านั้นเอง แต่ถ้าจะหวังให้โดราเอม่อนเอาของวิเศษออกมาได้เองละก็ คงต้องรอกันต่อไปละครับ..........
Projector Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือติดโปรเจคเตอร์
แนวคิดมือถือโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเป็นมากกว่ามือถือธรรมดา เป็นแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ (Projector Concept) ไว้ ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่ม กด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ ได้
ผลงานการออกแบบของ Stefano Casanova
Weather Cell Phone Concept : แนวคิดเพื่อบอกสภาพดินฟ้าอากาศ
แนวคิดมือถือ โทรศัพท์มือถือบอกสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather Cell Phone Concept) มีแนวคิดและจุดเด่นตรงตัวเครื่องทำจากวัสดุ โปร่งใส ขนาดบางเฉียบ หน้าจอสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ตัวเครื่อง ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมการทำงาน สามารถตรวจวัดสภาพอากาศในปัจจุบันแล้วแสดงผลบนตัวเครื่องได้ อย่างเช่น อากาศปลอดโปร่ง หน้าจอจะใสแจ๋ว หากฝนตกตัวเครื่องก็จะมีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ และถ้ามีหิมะตกหน้าจอก็จะเป็นฝ้าด้วยไอความเย็นของหิมะ และหากต้องการโทรออกหรือเขียนข้อความ เพียงแค่ใช้ปากเป่าลมไปยังหน้าจอ ก็สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)